วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฃอแอบพูดถึงของที่หิ้วไปขายวันเสาร์นี้หน่อยนะ...

       นอกจากสปูน BFG ที่นำไปขายแล้ว ผมก็ยังปัดๆรื้อๆเอาของรักของหวงออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นของสะสมที่เห็นว่าเก็บไว้ก็คงไม่ได้ใช้ ก็เลยเอาไปจำหน่ายให้สมกับคำไทยที่ว่า "สมบัติ ผลัดกันชม"



       แรกสุด ฃอเสนอรอกเบทฯขนาดใหญ่ ที่จริงก็น่าจะเป็นรอกใช้ในงานทะเลมากกว่า แต่ก็ไม่มีปุ่มสัญญาณเสียงเตือนปลากิน ในวันนี้ก็ขึ้นทำเนียบของสะสมไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่ง รอก Bantam 2000L



       ต่อมาก็เป็นเหยื่อคลาสสิคอีกชุด ที่มีทั้งความเข้มขลังคลาสสิค แล้วก็ยังสามารถใช้งานได้จริงอีกต่างหาก 4 ตัวนี้ รอคุณมาเป็นเจ้าของครับ



       ท้ายสุดที่เสนอให้กับคุณๆในวันนี้ เหยื่อปลอมจากสำนักดัง เมก้าแบส ชุดนี้นำเสนอ 3 ซีรี่ยส์ครับ
       ตัวแรก แอนแทร็กซ์ เหยื่อรูปปลาหงายท้อง หากคุณเป็นคนรักชอบเมก้าแบส นี่เป็น 1 ตัวที่ไม่ควรพลาด




       ต่อไป เหยื่อกบ แอคฌั่นดี ลีลาเร้าใจปลาล่าเหยื่อ สรรพคุณสมราคา





       สุดท้ายของท้ายสุด หนึ่งในซีรี่ยส์เรือธงของเมก้าแบส กริฟฟอน ซีโร่ สวยงามสมคำล่ำลือ







       อย่าพลาดครับ แล้วไปเจอกันที่งานเปิดท้าย 2 เสาร์นี้ครับ

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผ้าเนื้อเย็น อยู่กลางแดดก็ไม่ร้อน!!!

       สินค้าอย่างหนึ่งในร้านอุปกรณ์กีฬาในญี่ปุ่นที่สะดุดหูสะดุดตาผมเป็นอย่างมากก็คือ เสื้อผ้าเพื่อการเล่นกีฬาที่เหมาะสมกับกีฬานั้นๆ ที่เห็นมากๆเลยก็เป็นชุดของนักกีฬาเบสบอล ผมไม่ได้ชอบดีไซน์ของชุดเบสบอลหรอกครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือ เทคโนโลยีของผืนผ้าที่นำมาทำชุดกีฬา คือมีชุดที่ใส่แล้วอบอุ่นไว้ใช้ในหน้าหนาว แล้วก็มีชุดที่ใส่แล้วเย็นสบายที่ไว้ใช้กันในหน้าร้อน ซึ่งสำหรับภูมิอากาศแบบบ้านเราแล้ว ชุดที่ใส่แล้วเย็นสบายนี่ดูจะน่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ
       ผมก็เลยศึกษาดูว่าอะไรที่ทำให้ผ้าเนื้อเย็นนี้สวมใส่แล้วรู้สึกเย็นสบาย แล้วก็พบว่า เค้าก็เพียงแค่ตัดปัจจัยที่ทำให้รู้สึกร้อนออกไป ซึ่งปัจจัยหลักๆที่ทำให้เรารู้สึกร้อนก็ได้แก่รังสีUV หรือแสงเหนือม่วง เจ้านี่เป็นรังสีที่มีความเข้มข้นสูงและมีอำนาจทะลุทะลวงได้ดี แล้วเจ้ารังสีUV นี่แหละครับที่แผดเผาให้ผิวเราไหม้เกรียมและแสบร้อน เส้นใยที่มาถักทอผ้าเนื้อเย็นนี้ได้ถูกออกแบบมาให้ปกป้องผู้สวมใส่จากรังสีUV ชนิดต่างๆได้ แล้วอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกร้อบอบอ้าวในเสื้อกีฬาก็คืออุณหภูมิจากร่างกายเรานี่แหละครับ ร่างกายเรามีอุณหภูมิเฉลี่ย 37C แล้วก็คายความร้อนออกมาตลอดครับ เสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วทำให้เรารู้สึกเย็นสบายก็ต้องมีความสามารถในการระบายความร้อนส่วนนี้ได้ด้วยครับ ซึ่งผ้าเนื้อเย็นก็ทำหน้าที่นี้ออกมาได้ดี
       ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อมาลองใส่ตกปลาดูเหมือนกันแหละครับ แต่ก็ติดตรงที่ดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเบสบอล หรือไม่ก็สำหรับขี่จักรยาน ซึ่งก็ดูแล้วไม่ค่อยจะเป็นเราเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นสนนราคาของเสื้อผ้าพวกนี้ในญี่ปุ่นนี่ไม่เบาเลยนะครับ ตังนึงๆก็ราคาเกือบๆ 3000 บาทเลยทีเดียว
       แต่แล้วก็ได้มาเจอกับ Gett-it! ที่ผลิตเสื้อผ้าเนื้อเย็นออกมาเพื่อนักตกปลาโดยเฉพาะ เพราะผู้ผลิตก็เป็นคนตกปลาเหมือนกับเราๆนี่แหละครับ ก็เลยเข้าใจความต้องการของเราอย่างดี เสื้อของ Gett-it! ผลิตขึ้นจากผ้า Coolfeel ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันรังสีUV ได้ถึงระดับ UPF 50+ คือ ป้องกันรังสี UV A และUV B ได้ 98 % นอกจากนี้ ผ้าCoolfeel ของ Gett-it! นี้ ยังสามารถระบายความร้อนที่เกิดจากอุณหภูมิร่างกาย และความคุมการระบายไอเหงื่อ ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายไม่เหนอะหนะ และที่สำคัญที่สุด สนนราคาย่อมเยาสบายกระเป๋าเป็นอย่างยิ่ง จ่ายแบงค์พันหนึ่งใบได้แบงค์ร้อยทอนกลับมาอีกหลายใบ น่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมครับ ยิ่งไปกว่านี้ ดีไซน์ของเสื้อที่ออกแบบมาเพื่อนักตกปลาโดยเฉพาะ ใส่แล้วไม่ดูประดักประเดิดเหมือนเอาเสื้อขี่จักรยานมาใส่ตกปลา Gett-it! ให้เราได้มากขนาดนี้ ต้องลองครับ
       พบกับGett-it! ได้ที่งานเปิดท้ายฯในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ และตามร้านอุปกรณ์ตกปลาชั้นนำทั่วไป

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หายไปเตรียมตัวขายของงานเปิดท้ายฯ

       เป็นเด็กดีหลังจากที่เกเรไปได้ไม่นาน ความเกเรก็กลับมาเยือนอีก ห่างหายไปเกือบอาทิตย์ ไม่ได้เลิกเขียนนะครับ แต่พอดีว่า ในสิ้นเดือนนี้ เค้าจะมีงานเปิดท้ายขายของพวกอุปกรณ์ตกปลา ของรักของหวงกันที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งตัวผมก็ให้พอดีว่าไปเจอของเก่าๆที่มีอยู่ก็เลยคิดว่าจะเอาไปขายบ้าง
อัลบั้มภาพตกปลาด้วยสปูนBFGยุคแรก
       ของเก่าๆที่ว่านี้ก็เห็นทีจะเก่าจริงอยู่ เพราะเป็นเหยื่อที่ผมสร้างทำขึ้นมากว่า 15 ปีแล้วเห็นจะได้ ในสมัยนั้นเกมส์ตกปลาด้วยเหยื่อปลอมก็ยังมีตัวเลือกไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นคัน รอก แล้วก็เหยื่อ แล้วถ้าพูดถึงเหยื่อตกปลากระสูบ ส่วนใหญ่ของนักตกปลาก็จะนึกถึง “สปูน” กันก่อนเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ถือเป็นนักตกปลาจำพวกนี้ ผมจึงคิดทำเหยื่อตกปลากระสูบที่ผมต้องการขึ้น โดยมีคอนเซปป์อยู่ว่า เหยื่อต้องมีน้ำหนักที่พอควรเพื่อการส่งเหยื่อออกไปได้ง่าย การจมตัวควรมีการร่อนส่ายเพื่อเร้าความสนใจ การเกิดแอ็คฌั่นของเหยื่อเกิดขึ้น 2 รูปแบบคือ หากกรอช้าเหยื่อจะมาแบบร่อนส่าย แต่เมื่อกรอในอัตราที่เร็วขึ้นเหยื่อก็จะหมุนควงในความกว้างที่เหมาะสม เมื่อได้คอนเซปป์ที่ชัดเจนแล้ว ผมก็เริ่มต้นการออกแบบและทดลองทำออกมาเป็นตัวขึ้น แล้วก็ออกมาเป็นเหยื่อสปูนอย่างที่เห็นในภาพนี้แหละครับ

       สำหรับเหยื่อที่จะเอาไปขายในงานเปิดท้ายฯครั้งนี้ เป็นเหยื่อที่จัดทำขึ้นเป็นล็อตสุดท้ายเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว โดยผลิตบอดี้เหล็กขึ้นมาเพื่อที่จะง่ายต่อการทำสี และมีต้นทุนที่ต่ำลง แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่า เมื่อเป็นเหล็กมันก็ง่ายต่อการเป็นสนิมนะครับ เอามาขายกันในราคาเดิมครับ มีเหลืออยู่ไม่มาก แล้วหากซื้อเป็นชุด(5ตัว) ก็จะขายให้ในราคาพิเศษอีกด้วย
บอดี้แสตนเลสจะอยู่ในแผงสีแดง
บอดี้เหล็กจะอยู่บนแผงสีบานเย็น



       พิเศษอีกนิด เมื่อตอนที่ไปรื้อสต๊อคมา ได้เจอเหยื่อแสตนเลสรุ่นพิมพ์กลับด้วย คือ ลายกราฟฟิค BFG อยู่ที่ด้านท้องของเหยื่อแทนที่จะอยู่ด้านหลัง อันนี้มีไม่มากครับ ราคาตั้งขายเท่ากันกับรุ่นออริจินอลเนื้อแสตนเลส แล้วก็มีจัดเป็นชุด 3 ตัว 3 สี ออกมาขายในราคาเป็นพิเศษอีกด้วยครับ




       นอกจากเหยื่อสปูนแล้วในงานนี้ ผมจะเอาของรักของหวงบางส่วนมาแบ่งให้เพื่อนๆในราคาที่น่าสนใจอีกด้วยครับ พบกันในงานนะครับ รายละเอียดที่ http://www.siamfishing.com/content/view.php?id=3528&cat=info
       แล้วก็ขอฝากอีกนิด สำหรับเว็บเพจของBix Fishing Gears ขอให้ช่วยกันเข้าไปกดถูกใจกันหน่อยคร้าบ ขอบคุณมากๆๆ 

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคพื้นฐานการใช้เหยื่อผิวน้ำจากLure Magazine ฉบับเดือนนี้3

       ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร ฃอต่อเรื่องจากเมื่อวานกันเลยก็แล้วกัน
       นอยซีย์ เหยื่อตระกูลนี้ ก็เป็นเหยื่อปลอมอีกอย่างที่ยั่วปลาให้เกิดความก้าวร้าว ตัวเหยื่อจะกวาดน้ำหรือใช้ใบโลหะสร้างเสียงที่ปลาล่าเหยื่อรำคาญ แล้วพุ่งเข้ากัดไล่เหยื่อ ไม่ค่อยได้เห็นนักตกปลาบ้านเราจะใช้กันเท่าไหร่
       เหยื่อนอยซีย์ แบ่งออกตามความเร็วการสร้างแอ็คฌั่นก็จะได้แบบเคลื่อนที่ช้ากับแบบเคลื่อนที่เร็ว(ไม่มาก) พวกเคลื่อนที่ช้าก็จะเป็นเหยื่อจิตเตอร์บั๊ก แผ่นต้านน้ำด้านหน้าจะกวาดน้ำให้เหยื่อส่ายตัวซ้าย-ขวาในช่วงแคบๆ เหยื่อเคลื่อนที่ช้าอีกอย่างคลอว์เลอร์ ปีกซ้าย-ขวาที่ด้านข้างจะทำหน้าที่เดียวกับแผ่นต้านน้ำ แต่คลอว์เลอร์จะส่ายตัวได้กว้างกว่า เหยื่อพวกนี้ขอให้กรอช้าๆเฉยๆก็จะเป็นแอ็คฌั่นแล้ว ส่วนเหยื่อนอยซี่ย์อีกแบบที่กรอได้เร็วกว่าพวกแรกก็คือเหยื่อปลั๊กพ่วงใบโลหะ เมื่อกรอเหยื่อนี้ เหยื่อจะส่ายไปมาที่บริเวณผิวน้ำ ใบโลหะที่ด้านท้ายก็จะตีกับน้ำเกิดเป็นเสียงที่น่าโมโหสำหรับปลา
       ฟร๊อก ด้วยความที่เป็นเหยื่อที่ตัวเบ็ดถูกวางไว้ในตำแหน่งหลบสวะได้ดีเยี่ยมจึงทำให้ฟร๊อกเป็นเหยื่อที่เหมาะต่อการลุยในพื้นที่รกหนา



       เหยื่อฟร็อก เหมาะต่อการใช้ตกช่อนในบ่อสลิด เพราะบ่อสลิดเป็นพื้นที่ที่มีอุสรรคมาก จุดเล็งที่สำคัญมี 2 แบบ คือ โยนผ่านขึ้นไปบนอุปสรรคก่อน เช่น ใบบัว กอหญ้า แล้วลากเหยื่อลงมาที่จุดว่างระหว่างใบบัว อีกแบบหนึ่ง คือ ลากแบบจูงหมาเดินตรงช่องว่างระหว่างอุปสรรค
       เซอร์เฟซ แคร้งค์ โดยรูปทรงอาจจะดูไม่เหมือนเหยื่อผิวน้ำสักเท่าไหร่ แต่หากได้เคยลองใช้ จะเห็นได้ว่า เหยื่อแคร้งค์แบบนี้ จมลงไปจากผิวน้ำไม่มากคือประมาณ 1 นิ้วเท่านั้น

       เหยื่อเซอร์เฟซ แคร้งค์ จะสร้างคลื่นน้ำตามตัวเหยื่อเป็นรูปตัว V และข้อพิเศษของเหยื่อนี้อีกอย่างคือสามารถใช้ปลายคันควบคุมทิศทางของเหยื่อได้ง่ายมาก
       แมลง สำหรับฤดูร้อนของที่ญี่ปุ่น เหยื่ออีกอย่างที่ใช้ได้ผลมากก็คือเหยื่อที่เลียนแบบจากแมลง ในฤดูนี้แมลงมากมายจะออกสืบพันธุ์ แมลงบางส่วนก็จะร่วงหล่นจากต้นไม้ลงบนผืนน้ำ กลายเป็นอาหารปลาไป



       เหยื่อแมลง จำลองลักษณะของแมลงที่ตกลงบนผิวน้ำ ดังนั้นจึงไม่ใช่เหยื่อที่เคลื่อนที่ช้าถึงช้ามาก เพียงเขย่าปลายคันเบาๆเมื่อเหยื่อตกลงถึงผิวน้ำ พู่ขนที่ทำหน้าที่เทียมขาของแมลง จะสร้างคลื่นมากมายที่ผิวน้ำดึงดูดให้ปลานิยมแมลงทั้งหลายของลิ้มลอง เหมาะที่จะใช้กับหมายใต้ต้นไม้เป็นอย่างมาก




       สำหรับ topwater basic ใน Lure Magazine ฉบับนี้ ก็เล่าเรื่องมาถึงตรงนี้ ดังนั้นผมเองก็ขอจบเรื่องลงแต่เพียงเท่านี้เหมือนกัน

ฃอให้ตกปลาด้วยความสนุกสนาน

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคพื้นฐานการใช้เหยื่อผิวน้ำจากLure Magazine ฉบับเดือนนี้2

       ในตอนนี้ ยังคงเป็นเนื้อหาจากนิตยสารLure Magazine ฉบับเดือนนี้อยู่นะครับ เหยื่อ topwater ที่แนะนำให้ใช้ในฤดูร้อนนี้ เริ่มจาก
       เพนซิล เบท เหยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีแอ็คฌั่นแบบจูงหมาเดิน เหยื่อนี้ หากกรอเข้าเฉยๆ เหยื่อก็จะมาตรงๆเหมือนกับไม่มีแอ็คฌั่นอะไร แต่พอลองกระตุกและปล่อยหย่อนเบาๆดู ก็จะเกิดแอ็คฌั่นแบบจูงหมาเดินขึ้น



       เหยื่อเพนซิลเบทนี้มี 2 แบบ คือ แบบที่ลอยในแนวตั้ง เหยื่อจะสไลด์ซ้าย-ขวาอย่างแคบๆ เมื่อหยุดหัวเหยื่อจะกระดกขึ้นพ้นน้ำ เหมาะกับการตกแบบเล็งเข้าตำแหน่ง เช่น ปลาจิบ ฯลฯ ส่วนแบบลอยขนานไปกับผิวน้ำ การสไลด์ตัวของเหยื่อจะกว้างกว่า เหมาะกับการตีกวาดหาปลาในพื้นที่กว้าง เช่น ตกกระสูบหน้าแนวสาหร่าย ตกกุเราในบ่อกว้างๆ ฯลฯ
       ป๊อปเปอร์ ในจำนวนเหยื่อ topwater ทั้งหลาย เหยื่อที่สามารถเร้าให้กัดได้มากที่สุดในยามที่ปลาเอื่อยเฉื่อยก็คือเหยื่อป๊อปเปอร์ ด้วยฝอยน้ำที่แตกกระจาย หรือเสียงป๊อป จะเป็นเหมือนสวิทช์ไปเปิดความรู้สึกอยากล่าให้กับปลาล่าเหยื่อ



       เหยื่อป๊อปเปอร์ ก็มีอยู่ 2 แบบเช่นกัน คือ แบบพ่นออกเป็นฝอยน้ำกระจาย แบบนี้ เป็นการเลียนแบบลักษณะฝอยน้ำที่เกิดจากการแตกตื่นของปลาเหยื่อ เหมาะที่จะใช้ตอนที่ปลาอยู่ในช่วงเวลาการล่าเพื่อหาอาหาร ส่วนแบบสร้างเสียงป๊อป เป็นเสียงเลียนแบบเสียงการล่าของปลาอื่น ทำให้ปลาเกิดการตื่นตัวและอยากล่า



       สวิชเชอร์ เป็นเหยื่อที่เหมาะกับภาวะที่ผิวน้ำมีคลื่น ด้วยเสียงจี๊ดถี่ของใบพัดเล็กๆจะทำให้ปลารู้สึกถึงตำแหน่งของเหยื่อ และเข้าโจมตีเหยื่อได้อย่างแม่มยำ



       เหยื่อสวิชเชอร์ มี 2 แบบ คือแบบที่เป็น ใบพัดคู่ แบบนี้ ให้กรอเหยื่อเข้ามาเฉยๆ หรืออาจเจิร์คกระชากเหยื่อให้พุ่งเพื่อเป็นการเร้าให้ปลาเกิดอารมณ์อยากกัด ส่วนแบบใบพัดเดี่ยวจะใช้การเจิร์คเพื่อให้เกิดลีลาจูงหมาเดิน เสียงจากใบพัดท้ายเหยื่อจะเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ปลา
       บัซเบท เป็นเหยื่ออีกอย่างที่ยั่วปลาให้โมโหแล้วเกิดอารมณ์อยากกัด และตัวความที่มีบอดี้ก้านลวดที่คล้ายกับสปินเนอร์เบท ก็ทำให้ตัวเบ็ดของเหยื่อไม่ค่อยจะติดตอ เพราะบอดี้ก้านลวดก็จะทำหน้าที่เป็นการ์ดกันติดได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน


       เหยื่อบัซเบท ก็แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบที่ใบพัดควงไปทางซ้าย และใบพัดควงไปทางขวา ให้จำไว้ว่าตัวเหยื่อจะถูกจูงไปทางฝั่งตรงข้ามของการควงใบพัดเสมอ และข้อสำคัญในการใช้เหยื่อบัซเบทคือ ให้กรอเหยื่อทันทีที่เหยื่อถึงผิวน้ำ เพราะไม่เช่นนั้นเหยื่อจะจมลงไม่เกิดแอ็คฌั่นดึงดูดปลาล่าเหยื่อ




       ตอนต่อไป พบกับเหยื่ออีก 4 ตัวในตอนจบของบทความนี้

ฃอให้ตกปลาด้วยความสนุกสนาน

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคพื้นฐานการใช้เหยื่อผิวน้ำจากLure Magazine ฉบับเดือนนี้1

       ในช่วงนี้ของปี ที่ประเทศญี่ปุ่นโน่นก็ตรงกับช่วงฤดูร้อนพอดี ถึงแม้ว่าลักษณะอากาศจะไม่เหมือนกับของบ้านเราเสียทีเดียว แต่อุณหภูมิก็คล้ายคลึงกัน ดังนั้นเทคนิคการตกปลาในช่วงนี้จึงง่ายที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับการตกปลาล่าเหยื่อของบ้านเรา



       นิตยสาร Lure Magazine เป็นหนึ่งในนิตยสารที่ได้รับความนิยมจากนักตกปลาแบสของญี่ปุ่นอย่างมากที่สุดฉบับหนึ่ง ซึ่งในเล่มก็จะมีบทความจากเหล่าบรรดาโปรสำนักต่างๆอย่างมากมาย และในฉบับนี้ (ปี 2011 ฉบับ 8) ในคอลัมน์ ก่อนไปตกปลาควรได้อ่านตอนtopwater basic ซึ่งผมขอสรุปเอาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์มาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ

       ในคอลัมน์นี้กล่าวไว้ว่า “ในบรรดาการตกปลาด้วยเหยื่อปลอมนี้ การตกปลาด้วยเหยื่อtopwaterนี้ ถือเป็นเกมส์ที่มีความเร้าใจเป็นที่สุด เพราะเป็นเกมส์ที่มองเห็นการสไตร์คของปลาอย่างชัดเจน ถึงขนาดบอกไว้ว่า บางทีเสียวแปร๋บไปทั้งหน้าอก”




       อุปกรณ์ที่เหมาะสม
คันเบ็ด : ยาวประมาณ 6 ฟุต เลือกใช้แอ็คฌั่น สโลว์
รอก : แนะนำรอกเบทฯเพราะด้วยสรีระการจับถือรอกเบทฯจะง่ายในการสร้างแอ็คฌั่นมากกว่า
สาย : ควรใช้สายไนลอน หรือสายPE ที่ออกแบบมาใช้กับเหยื่อผิวน้ำ (ไม่จมน้ำ)

       พื้นฐานการสร้างแอ็คฌั่นแบบจูงหมาเดิน



       ตามเนื้อหาในคอลัมน์นี้ เค้าให้เราจดจ่ออยู่ที่ 2 จุด คือ ที่นิ้วก้อยของมือที่กุมรอกกับคัน กับตำแหน่งข้อศอกของแขนข้างที่ถือคัน ที่นิ้วก้อยนั้นให้มีน้ำหนักบีบสักหน่อย ส่วนนิ้วที่เหลือให้ประคองอย่างสบายๆ เหมือนกับใช้นิ้วก้อยเป็นจุดหมุนสมมติ 



       ในส่วนของข้อศอกของแขนข้างที่ถือคัน ให้กางห่างออกมาจากตัวสักหน่อย 




       การเกิดแอคฌั่นแบบจูงหมาเดินก็คือ เหยื่อจะสไลด์ไปทางซ้ายที-ขวาที ก็ต่อเมื่อสายเบ็ดทางด้านหน้าเหยื่อมีการตึงและหย่อนสลับกัน ทดลองทำดู ค่อยๆจับจังหวะให้ได้ ไม่ยากครับ





       ตอนต่อไป ดูที่เหยื่อกันหน่อยว่า เกมส์ topwater ในฤดูร้อน(ญี่ปุ่น)นี้ แนะนำให้ใช้เหยื่ออะไรกันบ้าง...

ฃอให้ตกปลาด้วยความสนุกสนาน

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ลองมาจดจดบันทึกปูมตกปลากันดูดีไหม?

       คุณเคยตั้งเข้าสังเกตไหมว่า ระหว่างไต๋เรือที่ได้ชื่อว่าเก่ง กับไต๋เรือธรรมดาๆต่างกันตรงไหน? ไต๋เรือที่เก่งก็คือ เป็นไต๋เรือที่นอกจากเข้าหมายได้เงียบแล้ว ต้องมีความแม่นหมาย เดาทางปลาได้ถูกว่าปลาน่าจะไปอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้เกิดได้จาก ประสบการณ์และการจดจำ และอาจรวมถึงสัญชาตญาณของไต๋คนนั้นๆด้วย
       แต่เชื่อไหมว่า เราเองก็สามารถสร้างสัญชาตญาณแบบเดียวกันนี้ได้เหมือนกัน หากแต่เพียงเราได้รู้จักการทำปูมบันทึกไว้ ก็จะกลายเป็นการใช้ประสบการณ์จริงมาต่อยอดกับความรู้พื้นฐานที่มี ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยให้เรารู้ทันปลา และเดาทางปลาได้ถูกไม่ต่างจากนักตกปลามืออาชีพหรือไต๋เรือที่โด่งดังทั้งหลาย
       เนื้อหาของปูมบันทึกจดอะไรบ้าง?
       สิ่งที่ควรจดลงในปูมนี้เริ่มกันตั้งแต่ตอนที่จัดเตรียมอุปกรณ์เลย จดไปว่า เราได้ใช้อุปกรณ์ชุดไหน สภาพก่อนใช้มีความพร้อมใช้แค่ไหน เช่น คันเบ็ด ก็ดูที่สภาพทั่วไป ไกด์ รีลซีท, รอก ความลื่น เบรกเนียนดีหรือไม่, สายสภาพเป็นกี่ % ฯลฯ เอาไปกี่ชุดก็จดไว้ทุกชุด
       ต่อไปก็มาจดข้อมูลทั่วไปของวันตกปลา เช่น วันที่, เวลาเริ่มตกปลากี่โมง ตกปลาถึงกี่โมง, จังหวะกินดี กี่โมงถึงกี่โมง,น้ำขึ้นสูงสุด-ต่ำสุดกี่โมง, ไปกับเรือลำไหน, ไต๋ชื่ออะไร ฯลฯ
       ในแต่ละหมายที่ไปก็จะจดพิกัดตำแหน่งหมาย, บันทึกสภาพอากาศ, อุณหภูมิอากาศ, อุณหภูมิน้ำ, ตอนนั้นเป็นน้ำขึ้น หรือน้ำลง, สภาพน้ำขุ่น-ใส, ทิศทางลม ฯลฯ
       ท้ายสุด เกี่ยวกับปลาที่ได้ เดี๋ยวนี้มีกล้องดิจิตอลก็ช่วยได้มาก จดหมายเลขรูปถ่ายของปลาที่ได้ในหมายนั้นๆ, จดเหยื่อที่ใช้, และท้ายสุดจดความประทับใจที่เกิดขึ้น
       หากเพียงนักตกปลาได้ทำการจดปูมแบบนี้ เพียงแค่สัก 10 ครั้ง นักตกปลาก็จะเห็นความพัฒนาการการตกปลาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ลองทำดูสิครับ...

ฃอให้ตกปลาด้วยความสนุกสนาน... 

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทัศนะคติของการตกปลาแม่ครอก


       ที่จริงผมได้เคยเผยแพร่บทความที่ว่าด้วยเรื่องคล้ายๆกันนี้ไปแล้วน่าจะมากกว่า 1 ครั้งไปแล้ว บนเวบบอร์ดของเวบตกปลาแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นการตอบกระทู้ของใฅรที่ตั้งไว้ก็ไม่แน่ใจ แล้วก็หาต้นฉบับไม่เจอเสียด้วย จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้เผยแพร่ทัศนะคติของการตกปลาแม่(หรือพ่อ)ครอกอีกครั้งที่ตรงนี้ไว้ก็แล้วกัน
ตัวนี้ผลงานของเพื่อนรัก ตกแล้วปล่อยกลับไปเลี้ยงลูกครับ
       ด้วยที่ทุกวันนี้ ในกระทู้หน้าเวบบอร์ดของเวบไซต์ตกปลาต่างๆ มักมีภาพเพื่อนๆที่หิ้วแม่(หรือพ่อ)ครอกตัวโตๆมาให้เราได้ดูได้ชมกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าจะมีเสียงต่อท้ายกระทู้นั้นๆออกมาเป็น 2 กระแส พวกหนึ่งก็จะแสดงความชื่นชม และอีกพวกหนึ่งก็จะออกในเชิงเห็นแย้งและอาจจะติงนิดๆ ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่เมื่อเรายืนบนเวทีสาธารณะแล้วก็ต้องยอมรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ นั่นก็ถือเป็นสิทธิในการสนับสนุนหรือสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ของคนที่ติดตามกระทู้นั้น เว้นเสียแต่เวบนั้นจะมีกฏกติกาห้ามวิจารณ์ ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิของผู้บริหารเวบที่สามารถวางกรอบกติกาให้ผู้ที่เข้าชมเข้าใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตาม กฏเวบ
       ทีนี้ มาว่าด้วยเรื่องการตกปลาแม่ครอกกัน ผมเองไม่ปฏิเสธว่า ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่หากสบโอกาสเจอะเจอกับฝูงลูกครอก อย่างน้อยก็จะโยนเหยื่อเข้าไปลองดูเผื่อว่าจะมีโอกาสได้เย่อกับปลาพ่อปลาแม่สักครั้งหนึ่ง
       ที่จริงด้วยบรรทัดฐานของกฏหมายบ้านเมือง การตกปลาแม่ครอกไม่ได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด ดังนั้นในแง่ทางสังคมแล้ว การตกปลาแม่ครอกก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผิดอะไร แต่ในบรรทัดฐานทางจริยธรรมจะถือเป็นเรื่องที่ถูกควรหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่ว่ามองมาจากมุมใด
       หากมองจากมุมของมนุษยธรรม คือ เอาความรู้สึกแบบมนุษย์ลงไปใส่ไว้ในปลา เราก็จะรู้สึกว่า การตกปลาครอกเป็นเรื่องที่น่าสังเวช การที่ปลาพ่อปลาแม่เข้าไล่กัดเหยื่อด้วยสัญชาตญาณของการปกป้องเผ่าพันธุ์ ทำให้ต้องกลายเป็นเป้าหมายของผู้ตกปลา ซ้ำร้ายฝูงปลาลูกครอกที่ขาดพ่อแม่อนุบาลฝูงก็จะตกเป็นเหยื่อของปลาอื่นไปในที่สุด ด้วยมุมมองในแง่นี้ ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง

       ในอีกมุมมองหนึ่ง เมื่อมองด้วยแง่ของอรรถประโยชน์ การตกปลาแม่ครอกถือว่าเป็นเกมส์ที่สมประโยชน์ เพราะว่า เรารู้ได้ง่ายว่าปลาใหญ่อยู่ที่ไหน(เห็นฝูงครอกชัดเจน) เป็นเกมส์ที่กัดเหยื่ออย่างเร้าใจ ผลงานที่ได้มักเป็นปลาตัวใหญ่ เป็นรูปถ่ายที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ตก เมื่อมองในแง่นี้จะเห็นได้ว่ามีเหตุผลที่จะตกปลาแม่ครอกพอควร แต่ก็มีทางแยกของความคิดต่อไปอีกว่า เมื่อได้ตัวปลาพ่อปลาแม่มาแล้ว วิธีการจัดการตรงนี้ ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 สาย สายหนึ่งคือตกแล้วเก็บ กับอีกสายหนึ่ง ตกแล้วปล่อย

       ในสายที่ตกแล้วเก็บ ก็จะมีเหตุผลอยู่ว่า ชะโดเป็นปลาที่มีนิสัยดุร้าย การตกปลาครอกจึงเป็นการจัดการควบคุมปริมาณไม่ให้ชะโดแพร่พันธุ์จนมากเกินไป เป็นต้น
       ส่วนในสายที่ตกแล้วปล่อย ก็จะมีเหตุผลว่า ตกแล้วปล่อยเพื่อที่จะให้ปลาพ่อปลาแม่นั้นเข็ดเบ็ด แล้วจะได้ลดโอกาสที่ปลาพ่อปลาแม่นี้ไปกัดติดเบ็ดของพวกที่ตกแล้วเก็บ เป็นต้น
       นอกจากตัวอย่างข้างต้น การตกปลาแม่ครอกก็ยังมีมุมมองอื่นๆอีกที่จะเป็นตัวตัดสินใจตกหรือไม่ เช่น ตกไปขาย ซึ่งในกรณีนี้หากเป็นผู้ที่ทำมาหากิน ใช้รายได้ที่มาจากการขายปลาเพื่อยังชีพแล้ว การตกปลาแม่ครอกขายก็เป็นเรื่องที่น่ายอมรับ แต่ถ้าหากบอกว่าต่อให้เจอแม่ครอกก็ไม่ตก เพราะการตกปลาอย่างง่ายแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าภาคภูมิใจ อย่างนี้ก็ถือเป็นจุดยืนทางความคิดของนักตกปลาผู้นั้น
       สิ่งสำคัญที่สุดที่เขียนมาถึงตรงนี้ก็คือ อยากให้มีความเข้าใจเรื่องการตกปลาแม่ครอกว่า มันมีมุมมองประกอบที่กว้างขวางมาก นักตกปลาที่แท้จริงควรเปิดใจให้กว้าง ยอมรับเหตุผลอย่างรอบด้าน ลองนึกดูว่า เมื่อวันที่เราออกไปตกปลาภาคสนาม แล้วเจอแต่ฝูงปลาครอก วันนั้นตัวเราจะทำอย่างไร
       โดยส่วนตัวผม ผมเป็นประเภทที่ไม่ถึงกับขวนขวายหาครอกตก แต่ก็ไม่ถึงกับปฏิเสธว่าเมื่อเจอครอกแล้วจะไม่ตกอย่างเด็ดขาด บางครั้งก็ผ่านเลยไม่ยุ่งกับครอก แต่บางครั้งก็ลองสักหน่อยเหมือนอย่างที่บอกไปแล้ว บ่อยครั้งที่ตกได้ตัวแล้วก็ปล่อยกลับไปเลี้ยงลูก แต่ก็มีบ้างที่ตกแล้วให้คนพายเรือเอาไปขายเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะแวดล้อม

       ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า บทความนี้เป็นเพียง “ทัศนะคติของ(ผมที่มีต่อ)การตกปลาแม่ครอก” หาได้ถือเป็นข้อชี้ขาดหรือเป็นบรรทัดฐานแต่อย่างไรไม่ หากเพียงแต่เพื่อนนักตกปลาคนใดเห็นพ้อง หรือจะเห็นแย้งกับบทความนี้ ผมก็ยินดีขอรับฟังคำวิจารณ์เหล่านั้นด้วยความยินดี

สำนึกดี ประพฤติดี ย่อมเกิดผลพวงที่ดี

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พฤติกรรมของปลาล่าเหยื่อกับช่วงเวลาของฤดูกาล


      ก่อนอื่น ผมต้องขออภัยต่อเพื่อนๆที่ติดตามบล็อกห้องเรียนตกปลารายวันนี้ ด้วยว่าผมได้เกเรไม่ได้ส่งบทความไป 2 วัน ที่จริงตั้งใจไว้อย่างแข็งขันว่า จะอัพบล็อกนี้ทุกวันทำการ (-) แต่เนื่องจากมีภาระกิจติดพันตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้ต้องโดดเลคเชอร์ไป อย่างไรก็ต้องกล่าวขออภัยกับผู้ที่ติดตามอ่านบล็อก ที่ทำให้ไม่ได้รับความต่อเนื่องมาเป็นอย่างสูง ณ.ที่นี้ด้วย


       สำหรับในบทนี้ จะขอเล่าถึงพฤติกรรมของปลาล่าเหยื่อกับช่วงเวลาของฤดูกาล ขออ้างถึงการตกปลาแบสของต่างประเทศก่อน นักตกปลาแบสทั้งหลาย พึงควรรู้พฤติกรรมเฉพาะของปลาล่าเหยื่อในแต่ละช่วงฤดู เช่น ในฤดูร้อนแมลงจั๊กจั่นออกจากดินมาผสมพันธุ์ แล้วก็จะร่วงตกลงมากมาย ก็จะมีบางส่วนที่ตกลงในน้ำกลายเป็นเหยื่อของปลา ดังนั้นในช่วงนี้นักตกปลาแบสจึงเลือกใช้เหยื่อผิวน้ำที่สร้างคลื่นเหมือนแมลงตกน้ำ หรือช่วงก่อนจะเข้าฤดูหนาว ปลาล่าเหยื่อจะสะสมอาหารเพื่อเตรียมเข้าสู่สภาวะกึ่งจำศีล ช่วงนี้นักตกปลาจึงเลือกใช้เหยื่อที่มีสภาพใกล้เคียงกับเหยื่อที่มีในธรรมชาติมากกว่าการใช้เหยื่อที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นต้น
       ส่วนในบ้านเรา ความแตกต่างของแต่ละฤดูกาลต่างกันไม่มากนัก (คือมีแต่ร้อน กับร้อนอิ๋บอ๋าย) ดังนั้นปลาล่าเหยื่อจึงไม่ค่อยมีพฤติกรรมเฉพาะในแต่ละฤดู จะมีก็เป็นเพียงแต่พฤติกรรมที่เป็นไปตามสภาพแวดล้อม เช่น น้ำขุ่น-น้ำใส, น้ำอุ่น-น้ำเย็น ฯลฯ
       แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีอยู่ 2 ช่วงจังหวะ ที่ปลาล่าเหยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลปลาหัวงู เช่น ช่อน, ชะโด ฯลฯ มักมีรูปแบบพฤติกรรมที่สามารถคาดเดาได้ว่าจะสนองต่อเหยื่อปลอมเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่จับคู่จนไปถึงช่วงก่อนวางไข่ ช่วงระยะเวลานี้ ปลาตัวผู้จะต้องแสดงความสามารถในการหาอาหารเพื่อเป็นหลักประกันว่าพงศ์พันธุ์นี้จะอยู่รอด ส่วนตัวเมียก็จะต้องเร่งสะสมอาหารเพื่อเป็นพลังงานสำรองที่ใช้ในช่วงฝักไข่และอนุบาลลูกอ่อน ช่วงนี้ปลาจะสนองต่อเหยื่อดีมาก มีความระแวงภัยน้อย ง่ายต่อการตก ช่วงนี้ภาษาฝรั่งเรียกว่า พรีสปอว์น
       กับอีกช่วงหนึ่งคือ ช่วงหลังจากที่ปลาตัวอ่อนออกจากไข่ ปลาพ่อปลาแม่ ก็จะอนุบาลปลาลูกอ่อน และคอยขับไล่ปลาอื่นที่มารุกรานลูกอ่อน ภาษาเราเรียกว่าช่วงปลาครอก ช่วงนี้ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ปลาครอกจะสนองต่อเหยื่อค่อนข้างดี แต่ควรจะใช้เหยื่อที่เร้าให้ปลาเกิดความก้าวร้าว แต่หลังจากที่ฝูงลูกมีความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมดีขึ้น คราวนี้จึงจะเป็นจังหวะที่ปลาพ่อปลาแม่จะออกล่าหาอาหารชดเชยช่วงที่ผ่านมา ช่วงนี้ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ปลาจะสนองต่อเหยื่อดีมาก ใช้เหยื่อได้ทั้งแบบที่รุกรานก้าวร้าว และทั้งแบบที่ลอกเลียนลักษณะของเหยื่อที่มีในธรรมชาติ ช่วงนี้ภาษาฝรั่งเรียกว่า โพสท์สปอว์น

ฃอให้ร่วมรักษาพันธุ์ปลา เพื่อให้วงจรห่วงโซ่อาหารครบถ้วนสมบูรณ์